ดวงดาวเป็นของฟ้า
“ดวงดาวเป็นของฟ้า” นวนิยายสร้างสรรค์ของนักเขียนมือรางวัล ล่องไหลไปกับท่วงทำนองการเล่าเรื่องอันเนิบเอื่อย ดิ่งลึก ร้าวราน ทว่างดงามและอิ่มเอมอยู่ในที การันตีด้วยการผ่านเข้ารอบสุดท้ายรางวัล 7 Book Awards
นวนิยายเล่มนี้เป็นผลงานของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนผู้คว้ารางวัลจากการประกวดวรรณกรรมระดับชาติมาแล้วมากถึง 30 รางวัลตลอดเส้นทางอาชีพนักเขียนกว่า 20 ปี เช่น รางวัลดีเด่นจาก สพฐ., รางวัลดีเด่นจากสมาคมภาษาและหนังสือฯ, รางวัลพานแว่นฟ้า, รางวัลจาก อพวช., รางวัลจากสถาบันพระปกเกล้า, รางวัล 7 Book Awards, รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, รอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ ฯลฯ
สารบัญ
ในวันที่ดาวบางดวงยังควรส่องแสง
ราวกับแม่คนที่สอง
พี่ชายอีกคนหนึ่ง
ชีวิตใหม่อยู่ในท้อง
ดาริกากับจันทิรา
ระหว่างการเติบโต
เด็กหญิงน้อยในชุดนักเรียน
วันที่ตาของหลาน ๆ จากไป
โรงเรียนใหม่ของเด็ก ๆ
ในโลกที่เต็มไปด้วยหนังสือ
การงานเล็ก ๆ ของคนตัวเล็ก ๆ
ความรักเริ่มต้นแล้วจบสิ้น
แม่อยากอุ้มหลานย่า
หญิงสาวนัยน์ตาเศร้า
คู่ผัวตัวเมีย
ฝั่งฝันของชีวิต
ในยามดวงตามืดบอด
และแล้วก็ล่มสลาย
ตรอมตรมกับน้ำตา
ดาริกาดับแสง
ดวงดาวเป็นของฟ้า
คำนำสำนักพิมพ์
อ่านโดยผาดผ่าน นวนิยาย “ดวงดาวเป็นของฟ้า” เล่มนี้คลับคล้ายเป็นวรรณกรรมแนวขนบ เป็นนวนิยายสัจนิยมที่เล่าเรื่องราวอย่างสมจริง ดำเนินเรื่องตามลำดับเวลาอย่างเถรตรง ท่วงทำนองการเล่าเรื่องก็ดูจะเอื่อยเฉื่อยและมีกลิ่นอายเชย ๆ บางอย่างผสมผสาน อีกทั้งฉากส่วนใหญ่ของเรื่องยังเป็นแถบถิ่นชนบทซึ่งดูขาดไร้สีสัน
ทว่าหากอ่านอย่างพินิจพิเคราะห์ จะเห็นความพิเศษบางอย่างแฝงซ่อนอยู่
อาจเหมือนเล่าเรื่องตามเส้นเวลา แต่อันที่จริงแล้วนวนิยายเรื่องนี้ไม่ได้แบ่งแยกฉากตอนด้วยเหตุการณ์ตามลำดับเวลาที่เกิิดขึ้นในเรื่อง สิ่งที่ผู้เขียนใช้เป็นหลักยึดในการแบ่งบทแบ่งตอนคือประเด็นย่อย ๆ ในเรื่องที่ต้องการสื่อเสนอต่างหาก มีอยู่หลายห้วงหลายตอนที่ถูกเล่าโดยไม่ได้ยึดโยงอยู่กับลำดับเวลา มีการกระ-โดดข้ามไปข้ามมาระหว่างเหตุการณ์เกิดก่อน-เกิดหลังทั้งหมดในเรื่อง คล้ายผู้เขียนเลือกว่า “จะพูดถึงอะไร” ในแต่ละตอน มากกว่าจะคำนึงถึงว่า “จะเล่าเรื่องอะไร” ในแต่ละฉาก
นั่นทำให้นวนิยายเรื่องนี้เพียงแค่ดูคล้ายเรื่องเล่าเอื่อยเฉื่อยเนือยเนิบที่อาจถึงขั้นชืดเชยในมุมมองของนักอ่านบางคน แต่แท้จริงงานเขียนชิ้นนี้มีความทันสมัยและซับซ้อนอยู่ไม่น้อย ทั้งในแง่ของกลวิธีการเล่าเรื่อง สำนวนภาษา หรือแก่นแกนสารัตถะ
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ นวนิยาย “ดวงดาวเป็นของฟ้า” นำเสนอชุดความคิดที่ทันยุคทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประเด็นเรื่องกระแสเชี่ยวกรากของโลกเครือข่ายสังคมเสมือน
เชื่อว่านักอ่านน่าจะได้ อะไร จากการอ่านหนังสือเล่มนี้ไม่น้อย และเมื่อพลิกปิดหน้ากระดาษสุดท้ายของหนังสือลง บางทีคุณอาจพบว่าเบ้าตาสองข้างของตัวเองมีน้ำใส ๆ หลั่งรื้นไหลคลอ…
คำนำผู้เขียน
จันทร์เต็มดวงกลมโตเริ่มโผล่พ้นทิวไม้ตะวันออก ขณะที่แสงตะวันล่าถอยหายไปทีละน้อยอีกฟากทิศ ดวงจันทร์ดูหม่นหมองอยู่ภายใต้เงามัวแปลกประหลาด ครั้นผ่านไปอีกครู่เงามืดของโลกก็เริ่มเคลื่อนเข้ากลืนกินดวงจันทร์
ผมเดินออกจากบ้านมาเงยหน้ามองปรากฏการณ์พิเศษระหว่างดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และโลกเป็นระยะ ในราว ๆ สองทุ่มผมก็เห็นดวงจันทร์ทั้งดวงผลุบหายเข้าไปภายใต้ม่านอนธการของเงาโลกจนหมดมิด สีแสงของพระจันทร์กลายเป็นแดงหม่นคล้ายสีเลือด
ม่านเมฆลอยฟ่องกระจัดกระจายทั่วฟ้า แต่ก็ยังเปิดพื้นที่ว่างโล่งบางส่วนให้มองเห็นดวงดาวกะพริบแสงวิบวับอยู่ไกลแสนไกล คงมีเพียงในค่ำคืนแห่งปรากฏการณ์พิเศษเช่นนี้ ที่เราได้เห็นดวงดาวขับแสงสว่างพราวอยู่เคียงคู่จันทร์เต็มดวงซึ่งราแสงลง ในห้วงยามปกติ คืนใดจันทร์เพ็ญทอแสงผ่องอำไพย้อมผืนโลกให้เหลืองนวลสว่างจ้า แสงของดวงดาวจะถูกข่มกลบเลือนรางเร้นหาย อาจเห็นเพียงดาวไม่กี่ดวงกะพริบแสงอ่อนแรงอยู่อีกหลืบมุมฟ้าห่างไกลจากรัศมีจันทร์
ราวสามทุ่มเศษ จันทร์เพ็ญเริ่มเคลื่อนดวงออกจากเงาหม่นมืดทีละน้อย และในอีกราวชั่วโมงต่อมา จันทร์ทั้งดวงก็เคลื่อนเอื่อยเผยพ้นเงามืด ทว่ายังซ่อนแสงบางส่วนไว้เบื้องหลังเงามัวรอบนอก
ผมเดินออกจากบ้านไปเงยหน้ามองพระจันทร์อีกครั้งในตอนห้าทุ่มกว่า ๆ เห็นจันทร์เต็มดวงกลับมาสาดแสงสว่างไสวสวยงามเช่นที่เคยเป็น ดวงจันทร์หลุดพ้นจากเงื้อมเงาทั้งมืดและมัวนั้นแล้ว
แสงจันทร์สว่างจ้าข่มกะพริบพราวของดวงดาวให้เลือนราง เมฆราตรีบางส่วนยังลอยฟ่องล่องไหลไปตามแรงลมบน แทบมองไม่เห็นจุดแสงแห่งดวงดาวที่ตรงไหนบนผืนฟ้าเลย
ละสายตาจากท้องฟ้ายามดึก เดินกลับเข้าบ้าน เปิดคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า ทรุดนั่งลงบนเก้าอี้อวลกลิ่นเหงื่อ
นิ่งนึกอะไรบางอย่างอยู่คนเดียวเงียบ ๆ แล้วผมก็เริ่มต้นเขียนคำนำสำหรับหนังสือเล่มใหม่ของตัวเอง…
ตัวอย่างหนังสือ