ตายตอนจบ
สารบัญ
นอกจากสวมใส่เสื้อผ้าแตกต่างออกไปแล้ว ร่างที่เห็นเหมือนเธอแทบทุกกระเบียดนิ้ว
● แม่จะปกป้องลูกเอง
เรื่องระหว่างเขากับเธอกำลังเดินทางมาถึงตอนจบ และตอนจบจะมีอีกศพตายในบึง
● ตายตอนจบ
ไม่มีเหยื่อคนไหนจินตนาการออกหรอกว่า ตัวเองกำลังจะถูกคนสวมหน้ากากไซบีเรียน ฮัสกี้ฆ่าตาย
● หมาล่าคน
หากผมจะเดินทางไปสู่โลกหลังความตายอันงดงาม ก็ควรพาเธอไปสัมผัสกับมันด้วย
● เราจะตายไปด้วยกัน
ลูกชายของเขาดูคล้ายกับเพื่อนสนิทอย่างประหลาด ทั้งที่ไม่ได้มีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด
● คลานตามกันมา
เธอหันมองที่เปล ลิงหนุ่มตัวนั้นเผ่นโผนมาเกาะอยู่เหนือเปลแล้ว
● ลิงลักลูก
และเธอก็พอรู้แล้วว่า ศพไหม้เกรียมทั้งสี่ศพในรถน่าจะเป็นศพของใครกันบ้าง
● ต้องฆ่าให้ครบ
คำนำสำนักพิมพ์
ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นในใจหลังจากอ่านต้นฉบับรวมเรื่องสั้น “ตายตอนจบ” เล่มนี้จบลงคือ…
มันจะโหดเกินไปหรือเปล่า!
ยอมรับว่าสำนักพิมพ์เองแอบรู้สึกว่าเรื่องสั้นบางเรื่องในเล่มออกจะโหด จิต หรือถึงขั้นวิปริตอยู่ไม่น้อย ผู้อ่านประเภทจิตอ่อน ไม่ชอบเสพอะไรโหด ๆ แรง ๆ แนะนำว่าควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากอ่านไปแล้วรู้สึกไม่ไหว ก็หยุดอ่านดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจิตตกและมีอาการหลอนติดค้างในใจไปอีกหลายวัน
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่รวมเรื่องสั้นเล่มนี้ใส่คำโปรยบนหน้าปกชัดเจนว่าเป็นแนวเขย่าขวัญ-หักมุม อีกทั้งนามปากกา “อินทุ รุจิรา” ก็เป็นเหมือนชื่อยี่ห้อบ่งบอกแนวทางของเรื่องสั้นในเล่มอยู่แล้ว เราจึงเชื่อว่าหนังสือเล่มนี้จะเลือกสรรผู้อ่านที่เหมาะกับมันเอง
มีข้อสังเกตที่น่าสนใจอยู่อย่างหนึ่ง ท่วงทำนองการเล่าเรื่องในงานเขียนเล่มนี้มีกลิ่นอายของความเป็นงานวรรณกรรมสร้างสรรค์หนัก ๆ มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่เรื่องหักมุมที่เน้นพล็อตอ่านสนุกเพียงอย่างเดียว หลายเรื่องในเล่มยังทิ้งประเด็นให้ขบคิดต่อในหลายแง่มุม
ใครไม่เคยอ่านเรื่องสั้นเขย่าขวัญ-หักมุมของ “อินทุ รุจิรา” มาก่อน ได้ลองอ่านแล้วคุณจะชอบ
ใครเคยอ่านเรื่องสั้นเขย่าขวัญ-หักมุมของ “อินทุ รุจิรา” มาบ้างแล้วแต่ยังไม่ชอบ ได้ลองอ่านงานเล่มใหม่แล้วคุณจะชอบ
หรือยิ่งถ้าใครเคยอ่านเรื่องสั้นเขย่าขวัญ-หักมุมของ “อินทุ รุจิรา” มาก่อนแล้วชอบ ได้ตามอ่านงานเล่มใหม่คุณจะยิ่งโคตรชอบเข้าไปอีก
เอาหัวเป็นประกันได้เลย!
คำนำผู้เขียน
หลาย ๆ คนคงเป็นเหมือน ๆ กัน เวลาหยิบรูปถ่ายเก่า ๆ ของตัวเองขึ้นมาดู เรามักรู้สึกกระดากอายโดยไม่มีเหตุผล ทั้งหน้าตา ทรงผม หรือการแต่งตัวของเราเองในอดีต มักดูเฉิ่มเชยชวนตลกไปเสียหมด (ทั้งที่ความจริงตัวเราในปัจจุบันอาจไม่ได้ดูดีกว่าแต่ก่อนด้วยซ้ำ)
ผมมีความรู้สึกคล้าย ๆ กันอย่างนั้นเวลาย้อนกลับไปอ่านงานเขย่าขวัญ-หักมุมเก่า ๆ ของตัวเอง หลาย ๆ เรื่องดูเป็นเรื่องแต่งจนเกินไป ขาดความสมจริง ตัวละครไร้ชีวิต พล็อตเรื่องก็ไม่ได้เฉียบคมเท่าที่ควร
ส่วนหนึ่งคงเพราะเรื่องสั้นเหล่านั้นถูกเขียนไว้นานไม่ต่ำกว่าสิบปีเป็นอย่างน้อย (แต่เพิ่งมีโอกาสตีพิมพ์เป็นเล่มก่อนหน้าหนังสือเล่มนี้ไม่นาน) ขณะที่เรื่องสั้นในหนังสือเล่มนี้ (และเล่ม “ศพไม่สวย”) ถูกเขียนขึ้นหมาดใหม่ ผมอายุมากขึ้น ผ่านโลกมากขึ้น อ่านหนังสือมากขึ้น เขียนหนังสือมากขึ้น จึงเชื่อว่าฝีมือการเขียนคงพอพัฒนาขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
แต่คิดดูดี ๆ แล้ว การที่นักเขียนสักคนหนึ่งรู้สึกกับผลงานของตัวเองเช่นนั้นน่าจะเป็นเรื่องถูกต้องแล้ว หากมองว่างานเก่า ๆ ของตัวเองดีเลิศไร้ที่ติแล้ว คงขาดพลังสร้างสรรค์งานใหม่ ๆ หรือหากรู้สึกว่างานใหม่ ๆ กลับด้อยคุณภาพกว่างานเก่า ๆ ก็แปลว่านักเขียนคนนั้นกำลังก้าวถอยหลังอย่างน่าเป็นห่วง
ขออนุญาตพูดประโยคซ้ำ ๆ ซึ่งมักพูดไว้ในคำนำของหนังสือหลาย ๆ เล่ม ผมอยากขอบคุณนักอ่านทุกคนที่สนับสนุนและชื่นชอบตัวหนังสือของผม หนังสือแต่ละเล่มที่ขายได้ เสียงชื่นชมแต่ละประโยคที่ย้อนแว่วมาเข้าหู มีคุณค่าต่อนักเขียนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งมากมายกว่าที่คุณคิด
ขอบคุณจากใจจริงครับ
ตัวอย่างหนังสือ