นิยายเหนือรางเหล็ก
เรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่าซ้อนเรื่องเล่า…แห่งโศกนาฏกรรมซ้ำซ้อน
นวนิยายกึ่งเรื่องสั้น ผลงานเขียนของ “อุเทน พรมแดง ฉบับพิมพ์ครั้งล่าสุด-ปรับปรุงใหม่ (ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสารขวัญเรือน/พิมพ์รวมเล่มครั้งแรกโดยสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค)
สารบัญ
● สถานีต้นทาง
● ในห้องปิดตาย
● ร่างบนต้นหมาก
● แผลร้ายในใจ
● ข่าวหน้าหนึ่ง
● วันชำระแค้น
● เปลวเพลิงยามค่ำคืน
● บทพิสูจน์รักแท้
● เรื่องร้ายที่ต้องไม่รู้
● การกระทําแห่งศักดิ์ศรี
● ฆาตกรรมสามสิบปีก่อน
● สถานีปลายทาง
คำนำสำนักพิมพ์
งานเขียนชิ้นนี้มีจุดเด่นอยู่ที่กลวิธีการเล่าเรื่องซ้อนเรื่องซ้อนเรื่องซ้อนเรื่อง…ไปเรื่อย ๆ หลายชั้นหลายระดับ
ชั้นแรก แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นนักเขียนเล่าเรื่องให้นักอ่านฟัง
ชั้นที่สอง นักเขียนเล่าถึงนักเขียนอีกคนหนึ่ง
ชั้นที่สาม นักเขียนอีกคนที่ว่าเล่าเรื่องของชายชราคนหนึ่งซึ่งบังเอิญพบเจอบนขบวนรถไฟ
ชั้นที่สี่ ชายชราคนนั้นเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมมากมายหลายเรื่องให้นักเขียนผู้นั้นฟัง
แล้วในเรื่องเล่าเรื่องสุดท้ายของเล่ม ยังมีการเล่าเรื่องซ้อนเรื่องในชั้นที่ห้า โดยตัวละครในเรื่องที่ชายชราเล่า ได้เล่าถึงเหตุการณ์ฆาตกรรมในอดีตให้ตัวละครด้วยกันฟัง…
มีความจริงซ้อนอยู่ในความลวง มีความลวงซ้อนอยู่ในความจริง ความจริงและความลวง ความเป็นและความตาย…ซ้อนทับกันอยู่ไปมา รอยต่อระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่งคล้ายถูกซ่อนเร้นให้รางเลือน
บางทีเมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้จบลง เราอาจต้องกลับมามองดูตัวเองว่า ชีวิตทุกวันนี้เป็นเรื่องจริงหรือเรื่องลวงกันแน่
คำนำผู้เขียน
“นวนิยายกึ่งเรื่องสั้น” คืออะไร?
ผมเดาว่าคงมีนักอ่านหลาย ๆ ท่านนึกสงสัยเมื่อเห็นคำจำกัดความเกี่ยวกับประเภทของหนังสือเล่มนี้ นั่นก็เพราะประเภทของวรรณกรรมอันเป็นบันเทิงคดีร้อยแก้ว ถูกแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า หากไม่ใช่เรื่องสั้น…ก็ต้องเป็นนวนิยาย หรือหากไม่ใช่นวนิยาย…ก็ย่อมต้องเป็นเรื่องสั้น อย่างมากก็แค่จำแนกแยกย่อยออกไปอีกเป็นเรื่องสั้น-สั้น, เรื่องสั้นขนาดยาว หรือนวนิยายขนาดสั้นอะไรเทือกนั้น
แล้ว “นวนิยายกึ่งเรื่องสั้น” มาจากไหน…
ผมไม่ได้มีเจตนาเล่นลิ้น สร้างความแตกต่างให้โดดเด่น หรือคิดคำโปรยบนหน้าปกให้เตะตาคนเข้าไว้ หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายกึ่งเรื่องสั้นจริง ๆ เพราะหากนิยามว่าเป็น “เรื่องสั้น” คงไม่ยุติธรรมกับเนื้อหาในสัดส่วนที่เป็นนวนิยาย หรือหากสรุปว่าเป็นนวนิยาย ก็ดูจะเป็นการเพิกเฉยต่อรูปแบบการเล่าเรื่องของเรื่องสั้นจนไม่น่าให้อภัย
อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่า งานวรรณกรรมจำเป็นต้องเป็นนวนิยายหรือเรื่องสั้นอย่างหนึ่งอย่างใดเท่านั้น ยังมีพื้นที่ซึ่งงานวรรณกรรมทั้งสองประเภทนี้วางเกยซ้อนทับกันอยู่ และหนังสือเล่มนี้ก็วางอยู่บนพื้นที่ที่ว่านั้น
หากลองกวาดตามองไปในโลกวรรณกรรม ไม่ว่าวรรณกรรมไทยหรือสากลก็ตาม ผมพบว่างานเขียนเท่าที่ตัวเองรู้จัก และเข้าข่ายมีลักษณะ “กึ่ง” อย่างที่เอ่ยถึงไปแล้วนั้น มีเพียงเล่มเดียวคือ “ทางชนะ” ของพี่ชาติ กอบจิตติ ทว่านักเขียนรุ่นพี่ท่านนั้นก็ระบุไว้ในหนังสือชัดเจนว่า งานเขียนเล่มนั้นเป็น “เรื่องสั้นกึ่งนวนิยาย” นั่นเพราะมีความเป็นเรื่องสั้นมากกว่า
ถึงตรงนี้คงพอคาดเดาได้แล้วนะครับว่า เหตุผลที่ผมเรียกงานเขียนชิ้นนี้ว่า “นวนิยายกึ่งเรื่องสั้น” ก็เพราะมีความเป็นนวนิยายมากกว่านั่นเอง
“นิยายเหนือรางเหล็ก” ไม่ใช่นวนิยาย ไม่ใช่รวมเรื่องสั้น ไม่ใช่เรื่องชุด แต่เป็น “นวนิยายกึ่งเรื่องสั้น” กล่าวให้ชัดกว่านั้นคือ เป็นนวนิยายซึ่งมีเรื่องเล่าย่อย ๆ ในลักษณะของเรื่องสั้น โดยเรื่องสั้นเหล่านั้นมีโครงเรื่องใหญ่ร้อยรวมกันให้เป็นนวนิยาย
หวังว่างานวรรณกรรมซึ่งคาบเกี่ยวก้ำกึ่งอยู่ระหว่างนวนิยายกับเรื่องสั้นเล่มนี้ จะสร้างความเพลิดเพลินและให้แง่คิดบางอย่างกับคุณผู้อ่านได้บ้างนะครับ
ตัวอย่างหนังสือ