ศาสดาไม่สอน แต่(เสือก)ทำ
“ศาสดาไม่สอน แต่(เสือก)ทำ” หนังสือที่จะช่วยให้คุณแยกแยะ “พระแท้” (พระสงฆ์ซึ่งปฏิบัติตามพระวินัย) ออกจาก “พระเทียม” (อลัชชีนอกรีตทั้งหลาย) เพื่อจะได้เลือกกราบไหว้และทำบุญทำทานกับสาวกที่ดีงามขององค์ศาสดาเท่านั้น
เครื่องมือเหล่านี้เปรียบได้กับ “กระชอนตาถี่” ที่ช่วยแยกพระแท้ออกจากพระเทียมได้…
– เข้าใจว่าอะไรคือหน้าที่ที่แท้จริงของพระสงฆ์
– ศึกษาสิกขาบท 227 ข้อของพระสงฆ์อย่างละเอียด
– รู้จักจุลศีล มัชฌิมศีล และมหาศีลซึ่งพระสงฆ์มากมายละเลย
– ติรัจฉานวิชาและติรัจฉานกถาที่ศาสดาทรงห้าม
– เข้าใจเรื่องบัณเฑาะก์กับกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ (LGBTQI)
– เข้าใจเรื่องการถอนและเทียบเคียงสิกขาบทตามพระวินัย
อ่านเพื่อให้รู้เท่าทัน และไม่หลงกราบไหว้พระสงฆ์ประเภทที่ “ศาสดาไม่สอน แต่(เสือกทำ)”
สารบัญ
● วัชพืชกับไม้ดอก
– สวนดอกไม้หน้าบ้าน
– พระแท้กับพระเทียม
– พระจริงกับพระปลอม
– อย่ารดน้ำใส่ปุ๋ยให้วัชพืช
– ทำทานกับพระเทียมไม่ใช่ทานอันบริสุทธิ์สมบูรณ์
– วิธีส่องหา “พระเทียม”ในเบื้องต้น
● หน้าที่แท้จริงของพระสงฆ์
– เจตนาที่ถูกต้องของการบวช
– พระสงฆ์กับกิจนิมนต์
– พระสงฆ์ต้องศึกษาปฏิบัติธรรมเพื่อพระนิพพาน
– พระสงฆ์ควรเผยแผ่พระธรรมคำสอน
● ศีล 227 ข้อของพระสงฆ์
– ศีลเป็นเพียงข้อห้ามขั้นต้น
– ปาราชิก
– สังฆาทิเสส
– อนิยต
– นิสสัคคิยปาจิตตีย์
– ปาจิตตีย์
– ปาฏิเทสนียะ
– เสขิยะ
– อธิกรณสมถะ
● ศีลอื่น ๆ ที่พระสงฆ์พึงรักษา
– ศีลไม่ได้มีเพียง 227 ข้อ
– จุลศีล
– มัชฌิมศีล
– มหาศีล
● ติรัจฉานวิชาและติรัจฉานกถา
– ติรัจฉานวิชาคืออะไร
– มหาศีลว่าด้วยติรัจฉานวิชา
– มัชฌิมศีลว่าด้วยติรัจฉานกถา
– ข้อถกเถียงเรื่องติรัจฉานวิชา
● ว่าด้วยเรื่องพระสงฆ์ LGBTQI
– LGBTQI กับบัณเฑาะก์
– ศาสดาห้ามไม่ให้บัณเฑาะก์บวช
– ขยายความ “บัณเฑาะก์” ตามอรรถกถา
– คนกลุ่มไหนบ้างไม่ควรบวช
● การถอนและเทียบเคียงสิกขาบท
– การถอนสิกขาบท
– สิกขาบทเล็กน้อยที่ถอนได้
– สิกขาบทไม่เคยถูกถอน
– การเทียบเคียงและตีความสิกขาบท
– พระสงฆ์รับเงินได้หรือไม่
– พระสงฆ์ใช้สมาร์ตโฟนได้หรือไม่
– พระสงฆ์ขับรถได้หรือไม่
– พระสงฆ์ออกกำลังกายได้หรือไม่
คำนำสำนักพิมพ์
หนังสือที่มีประเด็นหมิ่นเหม่ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อเช่นนี้ ย่อมจะมีทั้งคนที่อ่านแล้วเข้าใจเจตนาของผู้เขียนและสำนักพิมพ์ และคนที่ด่วนตัดสินว่าเรากำลังลบหลู่ดูหมิ่นพระสงฆ์องค์เจ้า หรือคิดไปถึงขั้นว่าเราทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย
แต่หากคิดให้ลึกนึกให้รอบ จะรู้ว่าแท้จริงแล้วการชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมหลายอย่างของพระสงฆ์ในยุคนี้ไม่ได้เป็นไปตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้น เป็นการปกป้องพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่งต่างหาก
ก่อนจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกมา สำนักพิมพ์มีการพูดคุยและตรวจสอบเนื้อหาให้ถูกต้องตรงตามพระไตรปิฎก เราจึงเชื่อว่าข้อมูลในหนังสือสามารถอ้างอิงที่มาที่ไปได้ ไม่มีเนื้อหาส่วนไหนเขียนขึ้นลอย ๆ โดยไร้หลักฐานสนับสนุน
กระนั้นก็ตาม หากคุณผู้อ่านพบว่ามีเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดในหนังสือไม่ถูกต้อง ไม่ตรงตามพระไตรปิฎก ทางสำนักพิมพ์ยินดีน้อมรับความคิดเห็นและคำติเตียนต่าง ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้ปรับปรุงเนื้อหาให้ถูกต้องยิ่งขึ้นในการจัดพิมพ์ครั้งต่อ ๆ ไป
คำนำผู้เขียน
ผู้อ่านท่านไหนมีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มก่อนหน้านี้ของผู้เขียน คือ “พระพุทธเจ้าสอน แต่(เสือก)ไม่เชื่อ” จะรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นผู้เขียนเน้นตีแผ่ความเชื่อและการกระทำที่ผิดเพี้ยนของชาวพุทธ ซึ่งไม่ตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
มาถึงหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนขอเปลี่ยนไปพูดเรื่องความผิดเพี้ยนของพระสงฆ์ซึ่งเป็นสาวกของพระศาสดาบ้าง ทั้งในแง่หน้าที่หรือกิจของพระสงฆ์ ศีลหรือสิกขาบทที่พระสงฆ์ต้องรักษาอย่างเคร่งครัด ไปจนถึงแนวทางต่าง ๆ ที่พระสงฆ์ควรยึดถือปฏิบัติ โดยผู้เขียนจะอ้างอิงพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎกเช่นเคย เพื่อชี้ให้เห็นว่าพฤติกรรมใดของพระสงฆ์ถูกต้องตรงตามคำสอน และพฤติกรรมได้เป็นการละเมิดสิกขาบทอย่างน่าละอาย (เพียงแต่เราอาจเห็นจนชินตาและคิดไปว่าไม่ผิด)
อย่างไรก็ดี หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเจตนา “สอนพระ” เพียงแค่ต้องการ “แนะฆราวาส” เท่านั้น
กล่าวคือผู้เขียนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาโดยไม่ได้มีเป้าหมายให้พระสงฆ์อ่านแต่อย่างใด ผู้เขียนมีเจตนาเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาให้ฆราวาสทั่วไปอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ได้ลองอ่าน ทั้งนี้ก็เพื่อให้รู้จักตรวจสอบว่า พระสงฆ์ที่เรารู้จัก เคยไปกราบไหว้บูชา หรือเคยไปทำบุญทำทานด้วยนั้น ทำตัวเป็นสาวกที่ดีของพระศาสดาแล้วหรือไม่
หากพบว่าพระสงฆ์รูปไหนมีพฤติกรรมผิดเพี้ยนคลาดเคลื่อนไปจากพระวินัย ก็เป็นเรื่องที่ผู้อ่านแต่ละคนต้องคิดใคร่ครวญเอาเองว่า ยังควรกราบไหว้หรือทำบุญกับพระสงฆ์รูปนั้นต่อไปหรือไม่
ในส่วนของพระสงฆ์ ผู้เขียนคงไม่บังอาจไปสั่งสอนหรือชี้แนะอะไร ผู้เขียนเป็นเพียงฆราวาสคนหนึ่ง (แม้จะเคยบวชเป็นพระในช่วงหนึ่งของชีวิตก็ตาม) ศึกษาและปฏิบัติธรรมมาแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง (ราว 20 กว่าปี) อีกทั้งไม่ได้เฉียดเข้าใกล้การบรรลุธรรมใด ๆ แม้แต่น้อย ผู้เขียนเพียงแค่ศึกษาพระไตรปิฎกและหยิบยกสิ่งที่เห็นว่าผิดเพี้ยนมา
บอกกล่าว ซึ่งเชื่อว่าประเด็นเหล่านี้พระสงฆ์ส่วนใหญ่น่าจะรู้อยู่แล้ว แต่หากมีพระสงฆ์รูปไหนยังไม่รู้ในบางประเด็น และเนื้อหาหนังสือเล่มนี้ช่วยให้เข้าใจยิ่งขึ้น ผู้เขียนก็ยินดียิ่ง
อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว ผู้อ่านไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือทำตามแต่อย่างใด แค่เพียงได้อ่านแล้วฉุกคิดสักนิด ผู้เขียนก็รู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จที่ได้เขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแล้ว
ตัวอย่างหนังสือ