ฉันเป็นโสเภณี LGBTQ

ฉันก็คือมนุษย์ ฉันจึงต้องอยู่ให้ได้เหมือนมนุษย์ทุก ๆ คนที่เขาอยู่กัน เมื่อสังคมยังเปิดกว้างสำหรับเพศที่สามไม่เต็มร้อย ฉันก็ต้องดำเนินชีวิตตามวิถีทางและโอกาสที่มนุษย์อย่างฉันจะพึงมีได้ ก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเองเท่านั้น

อาชีพที่ฉันเลือกหรือวิธีดิ้นรนเอาชีวิตรอดของฉันอาจทำให้ถูกตีตราว่าเป็นพวกมนุษย์ “ชั้นตํ่า” แต่ฉันว่าตัวเองยังดีกว่าพวกโจรที่ปล้นจี้คนอื่น หรือนักการเมืองพวกโกงบ้านกินเมืองแลบลิ้นตวัดเลียหยาดเหงื่อของประชาชน

ตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบัน ชีวิตฉันเติบโตภายใต้กรอบกรงของความกดดันมาโดยตลอด ในเมื่อโอกาสและช่องทางหาเลี้ยงชีพของฉันถูกบีบจนตีบตัน ฉันก็จำเป็นจะต้องหาช่องว่างเล็ก ๆ เพื่อแทรกเบียดตัวเองให้พ้นความยากลำบาก ฉันจึงตัดสินใจเลือกอาชีพ “ขายบริการ” ซึ่งคนส่วนใหญ่มองว่าต่ำ จนสามารถพลิกชีวิตตัวเองให้มีความสุขได้ในยุคที่เงินคือพระเจ้าเช่นนี้

หนังสือเล่มนี้ต้องการถ่ายทอดความรู้สึกอันแสนเจ็บปวดรวดร้าวของฉันที่เกิดมาแล้วใจกับกายอยู่กันคนละขั้ว ฉันต้องการบอกเล่าประสบการณ์ชีวิต และเปิดเผยเรื่องราวความสกปรกโสมมของความเป็นมนุษย์ในสังคมที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มีหลากหลายชาติพันธ์ุ ภาษา อาชีพ หรือสถานะทางสังคม แต่ทุกคนล้วนมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนหรือคล้ายกัน นั่นคือ “ความต้องการทางเพศ” ทุกคนต่างต้องการปลดปล่อยสนองความต้องการของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ฉันเชื่อว่านั่นไม่ใช่เรื่องผิด เพราะมนุษย์ก็คือสัตว์โลกชนิดหนึ่งที่เกิดมาแล้วต้องมีการสืบเผ่าพันธุ์

อาชีพนี้ทำให้ฉันได้รับรู้ถึงความแตกต่างของพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ที่หลากหลายเหล่านั้น รับรู้ถึงความทุกข์ รับรู้ถึงความเจ็บปวด รับรู้ถึงความทรมานที่เกิดขึ้นในกายและใจอันเนื่องมาจากการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่เราไม่ได้รักและเขาก็ไม่ได้รักเรา ฉันทำเพราะต้องการเงิน เขาทำเพราะต้องการระบายอารมณ์และความใคร่เท่านั้น อาจเป็นเพราะความ “อยากลอง” หรือต้องการประสบการณ์ทางเพศที่แปลกกว่าปกติของคนเหล่านั้น เพราะฉันคือกะเทยแปลงเพศ (Transgender) ผิวขาว สัดส่วน 38-24-36 จึงทำให้มีแขกติดต่อขอซื้อบริการนับจำนวนไม่ถ้วน มีทั้งวัยรุ่น นักศึกษา คนทำงาน พนักงานบริษัททั่วไปยันผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งข้าราชการไปจนถึงนักการเมือง

แต่ทั้งนี้ ฉันไม่ได้มีเจตนาให้ใครเลียนแบบอาชีพที่ฉันทำ และไม่แนะนำให้ใครทำตามพฤติกรรมทางเพศที่ฉันบอกเล่าในหนังสือเล่มนี้ สิ่งที่ฉันหวังก็คือ เรื่องราวชีวิตของฉันอาจทำให้ผู้อ่านเกิดแง่คิดและมุมมองดี ๆ บางอย่างขึ้นได้ หรือเป็นตัวอย่างหนึ่งตัวอย่างที่สามารถเตือนสติมนุษย์ด้วยกันได้เท่านั้น

แล้วฉันก็เชื่อว่า “หนังสือชีวิต” เล่มนี้สามารถทำให้ผู้อ่าน “รู้” ในสิ่งที่ “ไม่เคยรู้” มาก่อนในสังคมเรา