นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ
“นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ” หนึ่งในเรื่องสั้นขนาดยาวซึ่งยาวที่สุดในประเทศ! (หนังสือหนา 188 หน้า บรรจุเรื่องสั้นไว้เพียงเรื่องเดียว ไม่ใช่รวมเรื่องสั้น)
“นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ” เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนผู้คว้ารางวัลจากการประกวดวรรณกรรมระดับชาติมาแล้วมากถึง 30 รางวัลตลอดเส้นทางอาชีพนักเขียนกว่า 20 ปี เช่น รางวัลดีเด่นจาก สพฐ., รางวัลดีเด่นจากสมาคมภาษาและหนังสือฯ, รางวัลพานแว่นฟ้า, รางวัลจาก อพวช., รางวัลจากสถาบันพระปกเกล้า, รางวัล 7 Book Awards, รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, รอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ ฯลฯ
สารบัญ
● นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ
● อชิรา เด็กหญิงที่ประสบเหตุสึนามิ
● ประวัติ อาจารย์ที่ยกเลิกนัดกับเพื่อน
● เดชา เจ้าของร้านทองที่ถูกดักจี้
● สมหมาย คนร้ายที่ไปเที่ยวอาบอบนวด
● กานดา ผู้หญิงขายตัวที่ทะเลาะกับผัว
● องอาจ ชายขี้เมาที่ก่อเรื่องในร้านเหล้า
● วีรภาพ นักดนตรีที่นอนตื่นสาย
● โสรยา นักศึกษาสาวที่นัดพบแฟนเก่า
● พงศกร คนขายประกันที่คิดฆ่าตัวตาย
● ชาตรี ตำรวจที่ถูกผู้บังคับบัญชาเรียกพบ
● กิตติชัย เจ้าของรีสอร์ตที่ขับรถไปสนามบิน
● นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ
คำนำสำนักพิมพ์
หนังสือเล่มนี้เขียนคำโปรยบนหน้าปกไว้ว่า เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นขนาดยาวซึ่งยาวที่สุดในประเทศ ในเบื้องต้น สำนักพิมพ์อยากขออธิบายในประเด็นนี้สักเล็กน้อย…
ก่อนจัดพิมพ์เรื่องสั้นเรื่องนี้ออกมาเป็นเล่ม เราได้สำรวจตรวจสอบหนังสือวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นที่เคยตีพิมพ์จำหน่าย โดยเน้นไปที่หนังสือซึ่งบรรจุเรื่องสั้นขนาดยาวไว้เพียงเรื่องเดียว ซึ่งเราไม่พบว่ามีเรื่องสั้นเรื่องไหนยาวกว่าเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีนักเขียนบางคนเขียนเรื่องสั้นขนาดยาวที่ยาวกว่านี้ไว้ แต่ไม่ได้ตีพิมพ์เป็นเล่มออกเผยแพร่ จึงไม่ปรากฏในสารบบ หรืออาจเคยมีเรื่องสั้นขนาดยาวที่ยาวกว่านี้ตีพิมพ์เป็นเล่มออกมา เพียงแต่ตีพิมพ์มานานมากแล้ว จึงไม่สามารถสืบค้นข้อมูลในโลกออนไลน์ได้ และเอาเข้าจริง การจะวัดความยาวของเรื่องสั้นโดยดูจากจำนวนหน้าหนังสือเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้อยู่ดี เพราะมีปัจจัยอื่นอีกมากมายที่มีผลต่อจำนวนหน้า เช่น ขนาดรูปเล่ม, ฟอนต์, ขนาดตัวอักษร, ระยะห่างระหว่างบรรทัด
แปลว่าเราอาจไม่มีทางสรุปได้อย่างชัดเจนว่า เรื่องสั้น “นิอู เด็กชายที่ไม่รู้เรื่องสึนามิ” เล่มนี้ ยาวที่สุดในประเทศหรือไม่ และอาจไม่สามารถสรุปได้ด้วยซ้ำว่า เรื่องสั้นที่ยาวที่สุดในประเทศคือเรื่องไหน
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราเลือกใช้คำว่า “หนึ่งในเรื่องสั้นขนาดยาวซึ่งยาวที่สุดในประเทศ” ซึ่งเป็นข้อเท็จที่ถูกต้องแน่นอน
อีกประเด็นหนึ่ง อาจมีนักอ่านตั้งคำถามว่า หนังสือเล่มนี้เป็นงานวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้นจริงหรือ ต่อคำถามข้อนี้ อันที่จริงเมื่อตัวนักเขียนซึ่งอ่านและเขียนเรื่องสั้นมานานเกินครึ่งชีวิตของตัวเองบอกกับเราว่า งานเขียนชิ้นนี้เป็นเรื่องสั้น หาใช่นวนิยาย เราก็ไม่จำเป็นต้องตั้งคำถาม นึกสงสัย หรือไปค้นหาคำตอบจากตำรับตำราด้านวรรณกรรมเล่มไหนให้เสียเวล่ำเวลา
แต่ทั้งนี้หากจะให้ยกเหตุผลมาสนับสนุนว่าเหตุไฉนงานเขียนชิ้นนี้จึงเป็นเรื่องสั้น เราก็พออธิบายได้ว่า เพราะงานวรรณกรรมชิ้นนี้มีวิธีคิดแบบเรื่องสั้น กลวิธีการเล่าเรื่องและสารัตถะของเรื่องก็เป็นเรื่องสั้น แม้ในเรื่องจะมีตัวละครมากมายจนดูผิวเผินคล้ายเป็นนวนิยาย ทว่าตัวละครเหล่านั้นไม่ใช่ตัวละครหลักที่ใช้ดำเนินเรื่อง เป็นแต่เพียงตัวละครที่อยู่ในเหตุการณ์ย่อยๆ ของตัวเอง หรือพูดอีกอย่างคือตัวละครเหล่านี้เป็นเพียงตัวละครในเรื่องสั้นย่อยๆ ที่ถูกร้อยเรียงเชื่อมโยงกันให้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวที่สมบูรณ์ (แต่กลุ่มของตัวละครแต่ละกลุ่ม ไม่อาจสร้างเรื่องสั้นที่สมบูรณ์ขึ้นได้ด้วยตัวเอง)
เรื่องสั้นขนาดยาวเรื่อง (เล่ม) นี้ จึงเป็นอีกรสชาติแปลกใหม่ที่เราอยากท้าทายให้คุณลิ้มลอง…
คำนำผู้เขียน
คล้าย ๆ กับหนังสือเล่มอื่นอีกสองสามเล่มของผมที่มีโอกาสตีพิมพ์ออกมาในช่วงปีสองปีนี้…เรื่องสั้นขนาดยาวเรื่องนี้ถูกเขียนทิ้งไว้นานแล้ว ผมเขียนมันขึ้นหลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มภาคใต้ของประเทศไทยไม่นานนัก
ผมเก็บต้นฉบับเรื่องสั้นขนาดยาวเรื่องนี้ไว้กับตัวเองเฉย ๆ ไม่ได้พยายามส่งไปตีพิมพ์เผยแพร่ที่ไหน ไม่อาจอธิบายเหตุผลได้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
ผมเกือบปล่อยให้ต้นฉบับเรื่องสั้นเรื่องนี้สูญสลายไปจากโลกใบนี้ตลอดกาล…เช่นเดียวกับตัวคนเขียนซึ่งอีกไม่ช้าไม่นานจะกลายเป็นเพียงฝุ่นผง ผมลบต้นฉบับเรื่องสั้นเรื่องนี้ทิ้งไปแล้วด้วยซ้ำ บอกตัวเองว่างานชิ้นนี้ยังมีคุณภาพไม่ดีพอจะเผยแพร่ออกไป ทว่าหลังจากนั้นผมกลับเอาแต่คิดวนเวียนอยู่กับเรื่องสั้นเรื่องนี้ คล้ายมันคอยตามหลอกหลอน ตัวละครในเรื่อง (โดยเฉพาะเด็กชายคนนั้น) ต่างส่งเสียงร่ำร้องว่าพวกเขาล้วนมีชีวิตและเลือดเนื้อ แม้จะเป็นเพียงในโลกอีกใบหนึ่ง…โลกของเรื่องเล่า…ก็ตาม
สุดท้ายผมหาวิธีกู้ไฟล์ต้นฉบับกลับมา อ่านทวนและแก้ไข ตัดความลังเลทั้งหลายในใจทิ้ง และตัดสินใจหาทางตีพิมพ์งานชิ้นนี้ออกมาเป็นเล่ม
หนังสือเล็ก ๆ เล่มนี้คงไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าบทบันทึกประวัติศาสตร์ยิบย่อยไม่สลักสำคัญ กระนั้นมันไม่ได้ทำหน้าที่เพียงบันทึกประวัติศาสตร์เหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศนี้ หากแต่ยังบันทึกประวัติศาสตร์บางส่วนของผู้คนและสังคม รวมไปถึงบันทึกประวัติศาสตร์มุมมองและความคิดอ่านของตัวผมเองด้วย
ได้แต่หวังใจว่า หนังสือเล่มนี้คงพอสร้างความเพลิดเพลินในการอ่านให้คุณได้บ้าง…สักน้อยนิดก็ยังดี
ตัวอย่างหนังสือ