ฝนตกเดี๋ยวก็ซา น้ำตาเดี๋ยวก็แห้ง
“ฝนตกเดี๋ยวก็ซา น้ำตาเดี๋ยวก็แห้ง รวมเรื่องสั้นว่าด้วยความเศร้า…ที่ทำให้เราเติบโต ผลงานใหม่ล่าสุดของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด, รางวัลหนังสือดีเด่น สพฐ., รางวัลพานแว่นฟ้า และอื่นๆ รวมกว่า 30 รางวัลระดับชาติ
สารบัญ
● นางฟ้าบินได้
● ย่ากับหลาน
● ลูกสาวคนที่สองของพี่สาวคนที่สอง
● วันหนึ่งในฤดูร้อน
● คาปูชิโนหวาน 100%
● สองขา
● พญากาหลง
● เงาหัวขาด
คำนำสำนักพิมพ์
หากจะให้สรุปนิยามสั้น ๆ เกี่ยวกับความเป็นรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ น่าจะพอสรุปเป็นถ้อยคำง่าย ๆ ได้ว่า…
“น้ำตาทำให้เราเติบโต”
เรื่องสั้นแต่ละเรื่องในหนังสือเล่มนี้ อวลไปด้วยกลิ่นอายของความเศร้า น้ำตา ความสูญเสีย ไปจนกระทั่งความตาย แต่กระนั้นกลับไม่ใช่ความเศร้าที่พาเราจมดิ่งไปสู่ความสิ้นหวังหรือก้นบึ้งทุกข์ชนิดไร้ทางออก
ความโศกเศร้าซึ่งถูกบอกเล่าผ่านตัวอักษรในหนังสือเล่มนี้ กลับทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจชีวิต ปล่อยวางบางอย่างซึ่งรัดรึงจิตใจอยู่ รวมไปถึงเกิดความตื่นรู้ทางปัญญา และความคิด
ซึ่งทั้งหมดจะทำให้เราเติบโตขึ้นทางด้านจิตใจและความเป็นมนุษย์ พร้อมกับช่วยให้เรามีชีวิตอยู่บนโลกนี้อย่างเข้าอกเข้าใจและเท่าทันทั้งความทุกข์และความสุขมากยิ่งขึ้น
อ่านถึงตรงนี้อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ารวมเรื่องสั้นเล่มนี้คงเป็นหนังสือที่นำเสนออะไรหนัก ๆ จนน่าเบื่อ ไม่ชวนอ่าน ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ…หนังสือเล่มนี้ยังคงเป็นงานวรรณกรรมที่อ่านสนุก เล่าเรื่องราวอย่างลื่นไหลมีชั้นเชิง สำนวนภาษาสละสลวยสวยงาม และมีพล็อตเรื่องที่แยบยลชวนอ่าน
เมื่อปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือเล่มนี้ลง บางทีเราอาจเติบโตขึ้นกว่าตอนเริ่มเปิดอ่านหน้าแรกก็เป็นได้…
คำนำผู้เขียน
แม้เขียนเรื่องสั้นมายาวนานเกือบ ๆ 25 ปีเข้าไปแล้ว …เขียนมาแล้วไม่รู้กี่ร้อยต่อกี่ร้อยเรื่อง กระนั้นทุกวันนี้ยามนั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์เพื่อเริ่มต้นร่ายเล่าเรื่องสั้นเรื่องใหม่ ผมยังคงนึกขลาดกลัวเสมอ…
กลัวว่าจะเขียนไม่ได้ เขียนไม่ออก เขียนไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่งจนจบ หรือเขียนจบแล้วแต่เป็นได้แค่เรื่องเล่ากระจอกงอกง่อยไร้คุณค่า
จำได้ว่าสมัยเริ่มต้นหัดเขียนเรื่องสั้นใหม่ ๆ ผมได้ยินนักเขียนรุ่นเก่าก่อนหลายคนพูดในทำนองเดียวกันว่า เรื่องสั้นนั้นเขียนยากกว่านวนิยาย (นักเขียนชั้นครูที่ให้ความคิดเห็นทำนองนี้ล้วนแล้วแต่เขียนนวนิยายเป็นหลัก)
ผ่านชีวิตการเป็นนักเขียนอาชีพมายาวนานเกือบหนึ่งในสี่ศตวรรษ ผมพบว่าคำพูดนั้นเกือบจริงทีเดียว
ในมุมมองของผม หากเทียบกันระหว่างเรื่องสั้นหนึ่งเรื่องกับนวนิยายหนึ่งเรื่อง การเขียนเรื่องสั้นยังคงง่ายกว่า แม้อาจต้องใช้สมองขบคิดไม่มากน้อยไปกว่ากันนัก แต่อย่างน้อยเรื่องสั้นก็ใช้เวลาเขียนน้อยกว่าหลายเท่า
แต่หากเปรียบเทียบระหว่างหนังสือรวมเรื่องสั้นหนึ่งเล่ม กับหนังสือนวนิยายหนึ่งเล่ม บอกได้เลยว่าการเขียนรวมเรื่องสั้นให้เสร็จออกมาเป็นเล่ม ยากเย็นแสนเข็ญกว่ากันเป็นร้อยเท่าพันเท่า
ในกรณีของนวนิยาย เมื่อคิดทุกอย่างเบ็ดเสร็จลงตัว รายละเอียดของเรื่องราวแจ่มชัดในหัวแล้ว เราก็แค่ลงมือเขียนไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้เรื่องราวและตัวละครพาเราไป อาจใช้เวลาหลายวันหรือนานเป็นเดือน ๆ แต่ไม่นานนักนวนิยายเรื่องนั้นก็จบลง
ผิดกับรวมเรื่องสั้นหนึ่งเล่ม ครั้นเขียนเรื่องแรกจบแล้ว เราต้องขบคิดทุกอย่างใหม่หมดเพื่อสร้างสรรค์เรื่องที่สอง…เรื่องที่สาม…เรื่องที่สี่… กว่าจะแล้วเสร็จออกมาเป็นหนังสือรวมเรื่องสั้นหนึ่งเล่ม ต้องใช้กำลังสมองและพลังชีวิตมากมายมหาศาล
หลังเขียนรวมเรื่องสั้นเล่มใหม่สำเร็จเสร็จลง ภาระหน้าที่ของนักเขียนก็จบลง เหลือเพียงภาระหน้าที่ของคนอ่านที่จะอ่านมันและตีค่าประเมินราคาในใจ
หากหนังสือรวมเรื่องสั้นซึ่งเป็นการงานอันเหนื่อยหนักนี้ พอจะทำให้คนอ่านซึมเศร้าไปกับตัวละครได้บ้าง เผลอยิ้มไปกับบางเหตุการณ์ในเรื่องได้บ้าง…
คนเขียนหนังสืออย่างผมก็ถือว่าได้รับรางวัลตอบแทนความเหนื่อยยากอย่างคุ้มค่าแล้ว
ตัวอย่างหนังสือ