สัตว์ขนเหลือง
“สัตว์ขนเหลือง” รวมเรื่องสั้นเล่มแรกซึ่งมีสารัตถะวิพากษ์สงฆ์นอกกรอบพระวินัย และความเชื่องมงายนอกพระไตรปิฎก ผลงานเขียนของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนผู้คว้ารางวัลจากการประกวดวรรณกรรมระดับชาติมาแล้วเกือบ 30 รางวัลตลอดเส้นทางอาชีพนักเขียนกว่า 20 ปี เช่น รางวัลดีเด่นจาก สพฐ., รางวัลดีเด่นจากสมาคมภาษาและหนังสือฯ, รางวัลพานแว่นฟ้า, รางวัลจาก อพวช., รางวัลจากสถาบันพระปกเกล้า, รางวัล 7 Book Awards, รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, รอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ ฯลฯ
สารบัญ
● หลังลาสิกขา
● ดอกไม้ในอนธการ
● ธรรมะเบสต์เซลเลอร์
● ถึงคราผีเสื้อโบกโบยบิน
● พระจันทร์สีเลือด
● โศกาลัย
● เสือในป่า
● สังฆานุภาพ
● ในห้วงพุทธชยันตี
● มวลภมรเหนือเกสรบุปผชาติ
คำนำสำนักพิมพ์
ในแวดวงวรรณกรรม ไม่เคยมีหนังสือรวมเรื่องสั้นซึ่งมีสารัตถะว่าด้วยเรื่องพระสงฆ์และความเชื่อทางศาสนามาก่อน
รวมเรื่องสั้นเล่มนี้ดูเหมือนจะเป็นเล่มแรกและเล่มเดียว
เรื่องสั้นส่วนใหญ่ในเล่มมุ่งวิพากษ์วิจารณ์พระภิกษุสงฆ์โดยตรง ขณะบางเรื่องก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเชื่อทางศาสนา หรือแม้กระทั่งตั้งปุจฉาเกี่ยวกับความเชืี่อที่มนุษย์มีต่อศาสดา
เราเชื่อว่าไม่ว่าคุณจะเป็นฆราวาสธรรมดาหรือเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา หนังสือเล่มนี้น่าจะช่วยให้คุณฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้บ้าง และถ้าเป็นเช่นนั้นก็แปลว่า หนังสือวรรณกรรมเล่มหนึ่งและนักเขียนคนหนึ่ง ได้ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างสมบูรณ์แล้ว
คำนำผู้เขียน
เห็นชื่อรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ครั้งแรก หลายคนอาจคิดในใจทำนองว่า ชื่อหนังสือดูแรงเกินไปหรือเปล่า เหตุไฉนผมจึงเรียกพระว่า “สัตว์”
อันที่จริงประเด็นนี้ผมไม่จำเป็นต้องอธิบายด้วยซ้ำ แต่ก็ขออธิบายไว้สักนิดเพื่อความชัดเจน และเพื่อความสบายใจของผู้อ่านบางส่วน
คำว่า “สัตว์” ที่ผมใช้ ไม่ใช่การเรียกเหมารวมพระภิกษุทุกรูปทุกคน สำหรับพระดี ๆ ซึ่งประพฤติปฏิบัติตนอยู่ในกรอบพระวินัย มีใจหวังมุ่งสู่พระนิพพาน ไม่มีเหตุผลอันใดเลยที่เราจะไปตำหนิติเตียน มีแต่ควรให้ความเคารพนับถือและสนทนาธรรมด้วย
ทว่าสำหรับพระ (หรือบางคนก็ขาดจากความเป็นพระไปนานแล้ว) จำนวนมากที่เป็นอลัชชี ประพฤตินอกรีตนอกรอย นอกกรอบพระธรรมวินัย ไม่เคยสนใจศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์ศาสดาอย่างจริงจัง ผลาญเวลาชีวิตไปกับการกอบโกยเงินทองลาภยศสักการะ ฝักใฝ่ในทางเดรัจฉานวิชา บางรายต้องอาบัติปาราชิกสิ้นจากความเป็นพระไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ยังคงห่มเหลืองให้ผู้คนกราบไหว้อย่างไม่รู้สึกรู้สา…
คนประเภทนี้ เรียกว่า “คนห่มเหลือง” ยังเบาเกินไป ต้องเรียกว่า “สัตว์ขนเหลือง” ถึงจะเหมาะ
เพราะพวกเขาขาดซึ่งจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์ เป็นเหมือนเหลือบหมัดหรือปรสิตอาศัยเกาะผ้าเหลืองกิน จิตใจเต็มไปด้วยอกุศลมูล บางคนไม่มีสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี ดำรงชีวิตไปตามแรงขับของสัญชาตญาณเบื้องต่ำไม่ต่างจากสัตว์สักตัวหนึ่ง
ได้แต่หวังว่า สังคมไทยจะมีพระภิกษุที่ดีงามน่าเลื่อมใสเพิ่มมากขึ้น และหวังต่อไปอีกว่าพวกสัตว์ขนเหลืองจะถูกกำจัดให้หมดสิ้น หรืออย่างน้อยก็ควบคุมไม่ให้แพร่ขยายพันธุ์มากไปกว่านี้…
ตัวอย่างหนังสือ