เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต เล่ม 2
📗 หนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่ม 2 ต่อยอดกระแสตอบรับอย่างล้นหลามจากเล่มแรก
หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือสอนเทคนิคเขียนนวนิยายและเรื่องสั้นโดย “อุเทน พรมแดง” นักเขียนมืออาชีพตัวจริง
ขณะที่หนังสือเล่มแรกเน้นสอนภาคทฤษฏี เล่มนี้จะเน้นสอนภาคปฏิบัติ โดยจะสอนเทคนิคเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นทุกประเภท ทุกแนว ทุกรูปแบบการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Realism, Magical Realism, Fantasy, Symbolism, Satire, Stream of Consciousness, Frame Story, Metafiction หรือ Experimental พร้อมตัวอย่างงานจริงให้ศึกษาอย่างจุใจชนิดที่ไม่มีหนังสือหรือคอร์สสอนเขียนที่ไหนให้ได้ นอกจากนี้ยังแนะนำวิธีคิดและลงมือปฏิบัติในแบบฉบับนักเขียนมืออาชีพ รวมถึงแนะช่องทางสร้างรายได้จากการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นที่ทำได้จริงแน่นอน!
แถมด้วยโบนัสพิเศษ! เทคนิคเขียนงานส่งประกวดให้ได้รางวัล
สารบัญ
บทที่ 1 คิดและทำอย่างนักเขียนมืออาชีพ
● ทำไมต้องคิดและทำให้เหมือนนักเขียนมืออาชีพ
● อยากประสบความสำเร็จต้องทุ่มเททั้งชีวิต
● หาจุดสมดุลระหว่างความรักกับรายได้
● ฝึกเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นให้เป็นธรรมชาติของชีวิต
● ประเมินคุณภาพงานเขียนของตัวเองให้ได้
● อ่านหนังสือแบบเน้นปริมาณ
● อย่าเล่าไอเดียงานเขียนให้ใครฟัง
● มองทุกปัญหาในชีวิตเป็นวัตถุดิบ
● เลือกใช้นามปากกาให้เข้าท่าเข้าที
● เขียน Fiction สลับกับ Non-fiction
● อย่าอยู่ใต้ร่มเงานักเขียนคนอื่น
● ออกแบบปกก่อนลงมือเขียน
● เป็นแค่นักเขียนอย่างเดียวคงไม่พอ
บทที่ 2 เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นประเภทต่าง ๆ
● การจัดแบ่งประเภทของนวนิยาย/เรื่องสั้น
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวสะท้อนสังคม
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวความรัก
● ทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวอีโรติก
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวสยองขวัญ
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวระทึกขวัญ
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวสืบสวน
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนววิทยาศาสตร์
● เทคนิคการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นแนวตลกขบขัน
บทที่ 3 เทคนิคการเล่าเรื่องรูปแบบต่าง ๆ
● รูปแบบการเล่าเรื่องคืออะไร
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบสัจนิยม
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบสัจนิยมมายา
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบแฟนตาซี
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบสัญลักษณ์นิยม
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบเสียดสี
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบกระแสสำนึก
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบเรื่องซ้อนเรื่อง
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบเล่าซ้อนเล่า
● เทคนิคเล่าเรื่องในรูปแบบทดลอง
บทที่ 4 หารายได้จากการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นให้เป็น
● เขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นอยู่รอดได้จริงไหม
● เสนอต้นฉบับให้สำนักพิมพ์พิจารณา
● พิมพ์หนังสือขายเองในระบบออฟเซต
● พิมพ์หนังสือขายเองในระบบดิจิทัล
● ทำอีบุ๊กขายในแพลตฟอร์มซื้อขายอีบุ๊ก
● ทำอีบุ๊กขายด้วยตัวเอง
● ลงขายนวนิยายเป็นรายตอน
● ส่งนวนิยาย/เรื่องสั้นประกวดตามเวทีต่างๆ
● เขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นอย่างไรให้ได้รางวัล
บทที่ 5 วิธีคิดและตัวอย่างนวนิยายกรณีศึกษา
● รู้จักกับนวนิยายที่ใช้เป็นกรณีศึกษา
● ไอเดียเริ่มต้นและการคิดโครงเรื่อง
● ตัวอย่างนวนิยายกรณีศึกษา
● บทสรุปของนวนิยายกรณีศึกษา
คำนำสำนักพิมพ์
ในหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่ม 1 คุณนักเขียนของเราได้แนะนำเทคนิคการเขียนนวนิยายและเรื่องสั้นไว้เยอะแยะมากมาย เปรียบเหมือนการปูพื้นฐานให้นักเขียนหน้าใหม่เข้าใจความเป็นนวนิยาย/เรื่องสั้น และเข้าใจองค์ประกอบพื้นฐานต่าง ๆ ที่ใช้ผลิตสร้างเป็นงานวรรณกรรมขึ้นมา ทั้งประเด็นของเรื่องราว-โครงเรื่อง-เหตุการณ์, การสร้างตัวละคร, มุมมองในการเล่าเรื่อง, การเปิด-ปิดเรื่อง, การจัดแบ่งและสลับซีนในเรื่อง, การเลือกใช้สำนวนภาษาให้สละสลวยมีวรรณศิลป์ ไปจนถึงเทคนิคการเขียนบทบรรยายและบทสนทนาอย่างมืออาชีพ ใครได้อ่านหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่มแรกไปแล้ว ก็เหมือนคุณได้เรียนรู้ภาคทฤษฎีไปอย่างครบถ้วนกระบวนความแล้ว
มาถึงหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่ม 2 นี้ จะเหมือนกับเราขยับมาเรียนภาคปฏิบัติกันต่อ ผู้เขียนจะสอนเทคนิคเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นประเภทต่าง ๆ และรูปแบบการเล่าเรื่องต่าง ๆ ที่นิยมใช้กัน ที่สำคัญคือจะมีงานเขียนจริงให้อ่านเป็นตัวอย่างเพื่อศึกษาด้วย ไม่ใช่อธิบายแค่ลอย ๆ แล้วให้คนอ่านไปนึกคิดเอาเอง
นอกจากสอนเทคนิคการเขียนและมีงานเขียนตัวอย่างให้อ่านแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังแนะนำวิธีคิดวิธีทำในแบบฉบับของนักเขียนมืออาชีพ สำหรับเป็นแนวทางให้คุณนำไปปรับใช้ เพื่อให้ขยับเข้าใกล้ความเป็นนักเขียนที่ประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ยังไม่หมดแค่นั้น หนังสือเล่มนี้ยังหยิบช่องทางสร้างรายได้จากการเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นมาแนะนำกันอย่างครบถ้วนจุใจ ทุกช่องทางล้วนเป็นประสบการณ์จริงของผู้เขียน ซึ่งยึดการเขียนหนังสือเป็นอาชีพมาอย่างยาวนาน
อ่านหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่มนี้ (รวมถึงเล่มแรก) จบลงแล้ว ต้องไม่หยุดอยู่แค่นั้น เราต้องลงมือเขียนงานของตัวเองออกมาด้วยอย่างต่อเนื่อง สำนักพิมพ์อินเทรนด์เชื่อว่า โอกาสจะเป็นนักเขียนมืออาชีพคนต่อไป คงไม่ไกลเกินฝันของทุก ๆ คน
คำนำผู้เขียน
ที่มาที่ไปของการเขียนหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่ม 2 นี้ไม่มีเหตุผลอะไรซับซ้อนหรือต้องปิดบัง ผมพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่า ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพราะหนังสือ “เขียนนวนิยายและเรื่องสั้น เขียนฝันให้มีชีวิต” เล่ม 1 ซึ่งเขียนออกไปก่อนหน้านี้ ได้รับการตอบรับที่ดีเยี่ยม ทั้งในแง่ยอดขายและเสียงสะท้อนจากผู้อ่าน
นักหัดเขียนหรือนักเขียนหน้าใหม่หลายคนพูดทำนองเดียวกันว่า ตัวเองเคยเสียเงินไปกับการลงเรียนคอร์สสอนเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นเป็นพัน ๆ แต่กลับได้รับความรู้ไม่เท่าอ่านหนังสือราคาสองสามร้อยของผมด้วยซ้ำ ซึ่งนั่นก็ไม่แปลก เพราะหากคุณไปดูรายชื่อคนที่มาเปิดคอร์สสอนเขียนหนังสือเหล่านั้น มักพบว่าเป็นใครก็ไม่รู้ เป็นนักเขียนอาชีพก็ไม่ใช่ เคยประสบความสำเร็จอะไรไม่แน่ชัด บางคนยังไม่มีผลงานของตัวเองเป็นชิ้นเป็นอัน แต่กล้ามาเปิดคอร์สสอนคนอื่นเขียนหนังสือก็มี
ขณะที่หนังสือของผม เขียนจากประสบการณ์จริงของการเป็นนักเขียนมานาน 25 ปี หรือถ้านับเฉพาะช่วงที่เขียนหนังสือเป็นอาชีพโดยไม่มีรายได้จากงานประจำใด ๆ ก็ยาวนานเกือบ ๆ 25 ปีแล้ว
ผมกล้าพูดว่า เมื่อคุณอ่านหนังสือสอนเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นทั้ง 2 เล่มของผมจบลงแล้ว ก็เหมือนคุณเรียนจบปริญญาตรีด้านการเขียนงานวรรณกรรมนั่นทีเดียว แต่คุณจะไปได้ถึงระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณขยันอ่านนวนิยาย/เรื่องสั้นของนักเขียนทั้งไทยทั้งเทศ และขยันเขียนนวนิยาย/เรื่องสั้นเพื่อพัฒนาทักษะของตัวเองมากแค่ไหน ยิ่งขยันอ่าน ขยันเขียน ขยันเรียนรู้ คุณก็จะยิ่งเป็นนักเขียนที่เก่งกาจขึ้น
หากมีความรักในงานเขียนเป็นเบื้องแรก พร้อมทั้งมีความพยายามและตั้งใจจริง วันหนึ่งคุณจะเรียนจบปริญญาเอก…กลายเป็นนักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านการเล่าเรื่อง จนประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายน้ำหมึกนี้ได้อย่างแน่นอน…ผมเชื่ออย่างนั้น
ตัวอย่างหนังสือ