เรื่องราวอันเกือบแปลกประหลาดมหัศจรรย์
“เรื่องราวอันเกือบแปลกประหลาดมหัศจรรย์” (ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2) รวมเรื่องสั้นแนว “สัญลักษณ์นิยม-เหนือจริง” ผลงานเขียนของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนรางวัลชนะเลิศเซเว่นบุ๊คอวอร์ด, รางวัลหนังสือดีเด่น สพฐ., รางวัลชนะเลิศพานแว่นฟ้า และอื่นๆ รวมกว่า 30 รางวัลระดับชาติ!
สารบัญ
ครั้นย่างพ้นมุมบ้านเขาจึงเห็นร่างแม่นอนตายซากอยู่ชายพงหญ้า ศพของแม่อยู่ในลักษณาการเดียวกับศพกระต่ายคู่นั้นไม่ผิดเพี้ยน
● กระต่ายในกรงผุ
หมาไม่สนใจหรอกว่าใครจะดีหรือเลวอย่างไร มันสนใจแค่ว่าใครเป็นคนให้อาหาร ใครทำให้ท้องของพวกมันอิ่มเต็ม
● ฝูงหมาระหว่างทางขึ้นสู่ภูเขา
ชายหนุ่มเดาไม่ถูกว่าลุงของเขาคือชายคนแรกที่กลับมาจากความตาย หรือเคยมีคนตายคนอื่นฟื้นกลับมามีชีวิตก่อนหน้านี้บ้างแล้ว
● สายฝนโบราณในหมู่บ้านชรา
ฉากภาพเคลื่อนไหวในห้องเช่าบนชั้นสองและชั้นสาม น่าตื่นเต้นเร้าอารมณ์กว่าดูวิดีโอการร่วมรักในเว็บไซต์ต่าง ๆ เป็นไหน ๆ
● อัตกามกิริยา
งูร้ายเหลือครึ่งท่อนอาจมีชีวิตอยู่ได้อีกวันสองวันหรืออาจนานถึงสัปดาห์ แต่ต่อให้ทรหดอดทนสักเพียงไหน มันก็ไม่มีวันหลงเหลือชีวิตรอดยาวนานไปกว่านั้น
● ใต้กองซากปรักหักพัง
ดาพูดให้ฟังว่าพ่อของเด็กชายออมทรัพย์เป็นตำรวจ และดากำลังคิดจะก่อสร้างรูปเหมือนพระเจ้าขนาดใหญ่ที่สุดในโลกขึ้นมา
● งานก่อสร้างรูปเหมือนพระเจ้า
ในพริบตาเชือกกั้นกำมะหยี่ก็หายไป เต็นท์สีดำหายไป กลุ่มนักแสดงปาหี่หายไป…ราวกับว่าพวกเขาเหล่านั้นหลบเร้นร่างหายไปในหมอกควันพร่ามัว
● เด็กหญิงมาลีไปดูปาหี่ที่งานวัด
ทว่าภาพที่ทำให้ผมถึงกับตกตะลึงก็คือ ลอบปากหนึ่งในมือของชายวัยราวสี่สิบคนนั้นมีร่างหมาพูเดิลสีขาวอยู่ภายใน เจ้าปุยกำลังตะเกียกตะกายหาทางออก
● หมาพูเดิลสีขาวจมดิ่งสู่ก้นแม่น้ำ
ท่านเหลือบเห็นญาติโยมหลายรายมุ่งหน้าตรงมาหา ดวงหน้าอิ่มเอิบเปี่ยมบุญญาบารมียิ้มรับแต่ไกล หลวงพ่อคงสีหน้าสงบเยือกเย็นขณะเหล่าฆราวาสก้มกราบกราน
● สังฆานุภาพ
คำนำสำนักพิมพ์
การจัดพิมพ์งานวรรณกรรมสร้างสรรค์โดยเฉพาะรวมเรื่องสั้นออกมาในห้วงยามนี้ อาจเรียกได้ว่าเป็นความโง่เขลาอย่างน่าสมเพชของสำนักพิมพ์สักแห่ง ซึ่งควรมีหมุดหมายอยู่ที่ยอดขายหรือความสำเร็จในแง่ตัวเลข
ยุคสมัยนี้คนส่วนใหญ่ในสังคมล้วนก้มหน้าก้มตาอยู่กับสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตตรงหน้ามากกว่าจะสนใจอ่านหนังสือ ร้านหนังสือใหญ่ปรับอัตราส่วนสินค้าประเภท Non-book เพิ่มมากขึ้นเป็น 30-40 เปอร์เซ็นต์ นิตยสารหลาย ๆ หัวทยอยปิดตัวลง สำนักพิมพ์ขนาดกลางไปจนถึงใหญ่ก็ต้องปรับนโยบายและขยับขยายปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจเพื่อความอยู่รอด ไม่ต้องพูดถึงสำนักพิมพ์เล็ก ๆ ที่พากันล้มหาย ตายจากไปทีละรายสองราย
สำนักพิมพ์อินเทรนด์เป็นสำนักพิมพ์ขนาดเล็กยิ่งกว่าเล็ก เราดูโชคร้ายที่ไร้ทุนรอนก้อนใหญ่สำหรับใช้ต่อสู้แข่งขัน แต่เราก็โชคดีตรงที่ไม่ได้หวังผลสำเร็จในแง่ตัวเงินมาตั้งแต่ต้น จัดพิมพ์หนังสือออกไปแต่ละเล่มตั้งเป้าไว้เพียงว่า พอได้ทุนคืนมาเพื่อสร้างสรรค์หนังสือเล่มต่อ ๆ ไป ซึ่งที่ผ่านมาเป้าหมายนั้นก็พอบรรลุผลสำเร็จอยู่บ้าง
เราไม่ปฏิเสธว่า คงมีความสุขไม่น้อยหากเห็นหนังสือที่จัดพิมพ์ออกไปได้รับการตอบรับที่ดี ทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำ แต่ถึงที่สุดแล้วสำหรับคนทำหนังสือบางคนบางกลุ่ม การได้ผลิตหนังสือดี ๆ ออกไปสู่สายตานักอ่าน ก็ถือเป็นความสุขอีกแง่มุมหนึ่งที่พอทดแทนความล้มเหลวด้านตัวเลขได้
เงินทุนและเรี่ยวแรงเวลาที่ทุ่มเทลงไปเพื่อผลิตงานวรรณกรรมออกมาสักเล่ม บางครั้งก็แลกเปลี่ยนเป็นความสุขอิ่มเอมที่มีค่ายิ่งกว่าเงินทอง..
คำนำผู้เขียน
เกือบสิบห้าปีก่อน ผมตัดสินใจลาออกจากงานประจำในเมืองหลวง แล้วกลับมาปักหลักเขียนหนังสืออยู่ที่บ้านเกิด ใช้ชีวิตในห้องปูนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งเป็นทั้งห้องนอน ห้องทำงาน และเป็นโลกแทบทั้งใบ เรื่องเล่าเรื่องแล้วเรื่องเล่า…ตัวละครตัวแล้วตัวเล่า…ก่อเกิดขึ้นในสมองและจินตนาการ ก่อนเคลื่อนไหวผ่านปลายนิ้วไปโลดแล่นมีชีวิตอยู่บนหน้ากระดาษเสมือนจริงในคอมพิวเตอร์เครื่องเก่า
ในบางครั้งงานเขียนเรียกรอยยิ้มอิ่มเอมบนดวงหน้า ในหลายหนงานเขียนกระตุ้นน้ำตาลูกผู้ชายคนหนึ่งหยดเผาะผล็อย ต้นฉบับเรื่องสั้นและนวนิยายบางเรื่องได้รับการตีพิมพ์ แต่ส่วนมากถูกเรียงซ้อนเป็นตั้งสูงอยู่ในตู้ไม้มุมหนึ่งของห้อง ต้นฉบับหลาย ๆ เรื่องถูกส่งไปยังสำนักพิมพ์บางแห่งและไม่เคยส่งข่าวคราวใด ๆ ย้อนกลับมาถึงเจ้าของ มีบางหนบรรณาธิการสำนักพิมพ์รับปากมั่นเหมาะว่าจะแจ้งผลการพิจารณาภายในเดือนสองเดือน สุดท้ายก็เงียบหายไปตลอดกาล
หากทว่าไม่เคยมีวินาทีไหนที่ผมคิดเลิกเขียนหนังสือ
ไม่ใช่เพราะมีอุดมการณ์สูงส่ง ไม่ใช่เพราะฝันเฟื่องว่าวันหนึ่งจะร่ำรวยจากงานเขียน ไม่ใช่เพราะคิดว่าอาชีพนักเขียนนั้นยิ่งใหญ่กว่าอาชีพอื่นใด…
แต่เป็นเพราะไม่มีอะไรในโลกที่ผมทำแล้วมีความสุขเท่าการเขียนหนังสือ…ก็เท่านั้นเอง
ผ่านมาเกือบ ๆ สิบห้าปีแล้ว ผมยังคงซุกหลบชีวิตอยู่ในห้องปูนสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ซึ่งถูกต่อเติมออกไปจนดูคล้ายห้องแถวอัปลักษณ์ แต่ผมก็เรียกมันว่า “บ้าน” เป็นบ้านที่มุมด้านหนึ่งถูกปลวกชอนไชจนอาจทรุดพังลงมาได้ทุกเมื่อ ขณะมุมอีกด้านหนึ่งเอียงกระเท่เร่เพราะปลูกสร้างอย่างสะเพร่ามาแต่ต้น
ผมใช้ชีวิตอยู่กับภรรยาซึ่งไม่เคยเรียกร้องต้องการอะไรมากไปกว่าได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตามอัตภาพ กับลูกสาวตัวน้อยอีกคนซึ่งเพิ่งเริ่มเรียนรู้จะชี้นิ้วไปที่ผนังปูนกระดำกระด่างแล้วยิ้มแป้นเมื่อมองเห็นจิ้งจกสักตัว เรามีเงินเก็บก้อนเล็ก ๆ ก้อนหนึ่งที่วาดฝันว่าวันหนึ่งจะเพิ่มจำนวนกลายเป็นเงินก้อนใหญ่พอปลูกบ้านใหม่หลังเล็ก ๆ สักหลัง
หากใช้ตัวเลขเงินทองเป็นตัววัดความสำเร็จหรือความก้าวหน้าของชีวิต พูดได้ว่าในห้วงเวลาเกือบสิบห้าปี ชีวิตของผมยังคงย่ำซ้ำอยู่ที่เก่าและห่างไกลจากความสำเร็จใด นอกจากวันวัยที่ล่วงผ่านความหนุ่มแน่นกับต้นฉบับเก่า ๆ ซุกเงียบมุมห้องที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ดูเหมือนชีวิตของผมแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย
กระนั้นก็เถอะ ในดึกดื่นค่อนคืนของบางวันที่ภรรยากับลูกสาวหลับใหลไปแล้ว หรือยามเช้ามืดตีสี่ตีห้าของบางวันซึ่งภรรยาและลูกสาวยังไม่ลุกตื่นจากเตียง ผมยังคงเห็นตัวเองนั่งเขียนเรื่องสั้นหรือนวนิยายสักเรื่องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ ยังมีตัวละครและเรื่องราวไร้ความสลักสำคัญเกิดมีชีวิตขึ้นมาในโลกใบเล็ก ๆ ของผม
บางที…บางทีทั้งหมดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว…
ตัวอย่างหนังสือ