Alan McLoid (อรัญ เมฆลอย) นักมายากลมหัศจรรย์
“Alan McLoid (อรัญ เมฆลอย) นักมายากลมหัศจรรย์” นวนิยายแนวกึ่งสัจนิยมมหัศจรรย์ (Semi Magical Realism) เล่มหนา 552 ซึ่งนักอ่านวรรณกรรมไทยพันธุ์แท้ต้องไม่พลาด!
นวนิยายเล่มนี้เป็นผลงานใหม่ล่าสุดของ “อุเทน พรมแดง” นักเขียนผู้คว้ารางวัลจากการประกวดวรรณกรรมระดับชาติมาแล้วมากถึง 30 รางวัลตลอดเส้นทางอาชีพนักเขียนกว่า 20 ปี เช่น รางวัลดีเด่นจาก สพฐ., รางวัลดีเด่นจากสมาคมภาษาและหนังสือฯ, รางวัลพานแว่นฟ้า, รางวัลจาก อพวช., รางวัลจากสถาบันพระปกเกล้า, รางวัล 7 Book Awards, รางวัลนายอินทร์อะวอร์ด, รอบสุดท้ายรางวัลซีไรต์ ฯลฯ
คำนำสำนักพิมพ์
นวนิยายเล่มนี้เกี่ยวข้องกับมายากลในหลาย ๆ มิติ
ในระดับโครงเรื่องหลัก วรรณกรรมชิ้นนี้เล่าถึงเรื่องราวของนักมายากลคนหนึ่ง
ในส่วนของกลวิธีการเล่าเรื่อง ผู้เขียนใช้เทคนิคคล้ายกับการเล่นมายากล ใช้กลเม็ดล่อหลอกลวงตา เล่าเรื่องสลับไปสลับมา สอดแทรกคำใบ้ที่ยิ่งชวนให้อยากรู้บทตอนต่อไป สุดท้ายก็สร้างความมหัศจรรย์ใจได้อย่างประหลาดเมื่ออ่านจบ
ในแต่ละฉากตอนย่อย ๆ อันประกอบกันขึ้นเป็นเรื่องราว เรายังจะเห็นความแปลกประหลาดมหัศจรรย์ปรากฏขึ้นเป็นระยะ จากทีละเล็กทีละน้อยในตอนต้น ๆ ของเรื่อง ไปสู่ความอัศจรรย์พันลึกชนิดขนานใหญ่ในตอนท้าย
จะว่านวนิยายเรื่องนี้เป็นแนว Realism (สัจนิยม) ย่อมไม่ใช่แน่นอน แต่จะว่าเป็นแนว Magical Realism (สัจนิยมมหัศจรรย์) ก็ไม่ใช่เสียทีเดียวอีกนั่นแหละ คล้ายกับว่างานเขียนชิ้นนี้ซุกซ่อนอยู่บนเส้นแบ่งหรือรอยต่อระหว่าง Realism กับ Magical Realism ซึ่งหากเราจะนิยามว่าเป็นวรรณกรรมแนว Semi Magical Realism (กึ่งสัจนิยมมหัศจรรย์) ก็คงไม่ผิดนัก
นวนิยายเรื่องนี้อาจต้องอาศัยความตั้งใจและความพยายามในการอ่านอยู่บ้างในช่วงต้น ทว่าเมื่ออ่านไปได้สักพัก ก่อนจะรู้ตัวด้วยซ้ำ…เราจะหลุดหลงไปกับเรื่องราวที่ถูกร้อยรัดถักทอเชื่อมโยงถึงกัน ความเคลื่อนไหวเป็นไปของตัวละครและมายาภาพที่ผู้เขียนสร้างไว้ จะพาเราติดตามอ่านตัวอักษรตัวต่อ ๆ ไปด้วยความสนใจใคร่รู้
รบกวนเปิดหนังสือหน้าถัด ๆ ไป การแสดงมายากลครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว…
คำนำผู้เขียน
เนิ่นนานหลายปีดีดัก หรือพูดให้ชี้ชัดเจาะจงยิ่งขึ้นคือ ยาวนานเกือบ ๆ ยี่สิบปีมาแล้ว ผมเริ่มต้นลงมือสร้างงานประติมากรรมขนาดใหญ่โตมหึมาชิ้นหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ ขึ้นรูปก่อร่าง บีบปั้น แต่งเติม ตัดทอน สลักเสลา หล่อหลอม วันแล้ววันเล่าที่มุ่งมั่นสร้างงานประติมากรรมตามจินตนาการนึกคิดและใจรักลุ่มหลง
ระหว่างทางสร้างสรรค์ มีบางช่วงตอนต้องหยุดชะงัก พ่อป่วยหนักเทียวเข้าเทียวออกโรงพยาบาล สุดท้ายพ่อก็จากไปตลอดกาล สภาพจิตใจและความจำเป็นในชีวิตปิดกั้นให้ไม่อาจเติมแต่งงานประติมากรรมต่อไปได้นานหลายเดือน
โชคร้ายยังเยี่ยมหน้ามาทักทายอีกระลอก ครั้งหนึ่งส่วนปลายยอดราวหนึ่งในสี่ของงานประติมากรรมหักทลายพังลงต่อหน้าต่อตา ผมน้ำตาซึม ท้อถอยจวนเจียนล้มเลิก กว่าจะรวมรวบกำลังใจต่อเติมเสริมแต่งส่วนที่ขาดหายขึ้นมาใหม่ต้องใช้เวลามากโข
งานประติมากรรมชิ้นใหญ่ยากเย็นต่อการสรรค์สร้าง ไม่ใช่ต้องใช้เวลาหลายวันหรือแรมเดือน ผมทุ่มเทเวลาชีวิตไปไม่น้อยกว่าสองหรือสามปีงานจึงแล้วเสร็จลงได้
ชิ้นงานดูโดดเด่นสูงตระหง่านทั้งยามแลมองด้วยสายตาและหัวใจ ทว่าไม่ใช่ผลงานเลอเลิศไร้ที่ติ รูปร่างของมันดูประหลาดแปลกตา บางส่วนเว้าแหว่งบกพร่อง บางส่วนนูนพองเกินเลย ยังดูผิดสัดผิดส่วนไปบ้าง ทว่ามันคือน้ำเนื้อแห่งความเพียรพยายามตั้งอกตั้งใจ แทบเรียกได้ว่ามีส่วนเสี้ยวชีวิตของผมแฝงฝังอยู่ในนั้น
งานประติมากรรมตั้งอยู่ในสถานที่ร้างลับไร้คนมองเห็น ด้วยนึกกระดากอายไม่มั่นใจ อีกทั้งไม่มีเหตุปัจจัยเหมาะสมสนับสนุน ผมจึงไม่เคยมีโอกาสนำมันออกมาอวดเผยต่อสายตาใคร ๆ
เกือบยี่สิบปีผ่าน ในวันที่ผมมีความพร้อม หลายสิ่งหลายอย่างสุกงอมลงตัว ผมกลับไปไล่สำรวจรายละเอียดงานประติมากรรมชิ้นนั้นอีกครั้งอย่างถี่ถ้วนทุกตารางนิ้ว มองประเมินด้วยสายตาของคนที่ผ่านโลกมาไม่น้อยกว่าครึ่งชีวิตของตัวเอง ผมพบว่างานประติมากรรมชิ้นนี้ยังคงมีมนต์เสน่ห์ในแบบฉบับของมัน อีกทั้งมันยังคงส่งเสียงร่ำร้องอยากมีชีวิตและตัวตนในการรับรู้ของใครสักคนนอกเหนือจากตัวผู้สร้างอย่างผม
ผมตัดสินใจสร้างเส้นทางเดินเล็ก ๆ จากโลกภายนอกเข้ามาสู่สถานที่ร้างลับซึ่งงานประติมากรรมชิ้นนี้ตั้งตระหง่านง้ำอยู่ ลองเอ่ยปากเชื้อเชิญใครสักคนที่บังเอิญผ่านมาใกล้ให้ก้าวล่วงเข้ามาชมผลงานชิ้นนี้
ไม่ต้องมีเสียงชื่นชมแม้สักวูบแว่วหรอก…
แค่เพียงมีนักชมประติมากรรมสักคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นจับจ้องแลมองชิ้นงานของผมอย่างตั้งใจ ผมก็ถือว่าทั้งหมดทั้งมวลที่เพียรสร้างมา…
…ไม่ว่างเปล่าไร้ค่าแล้ว
ตัวอย่างหนังสือ